ยิ่งอายุมากขึ้นเท่าไร การปรับเปลี่ยนช่วงแขนจากอวบอ้วนให้เรียวบางลง จากหย่อนคล้อยให้กลับมากระชับเต่งตึง ก็ยิ่งทำได้ยากขึ้นเรื่อยๆ นวัตกรรมทางการแพทย์อย่างการดูดไขมันแขนจึงเป็นทางออกที่หลายคนเลือกใช้ แต่คุณสมบัติของการดูดไขมันต้นแขน ไม่ได้มีไว้เพียงแค่ช่วยให้เกิดการกระชับหรือลดขนาดของต้นแขนเท่านั้น แต่ยังช่วยปรับลุคและบุคลิกภาพให้กลายเป็นอีกคนได้เลย เหมือนเรื่องที่เรายกขึ้นมาในวันนี้ ที่เป็นการเปลี่ยนผู้หญิงที่มีรูปร่างดูแข็งแรงบึกบึนให้กลายเป็นสาวร่างบางน่าทะนุถนอม เพียงแค่ดูดไขมันต้นแขนให้เหมาะสมกับความต้องการเท่านั้นเอง
ดูดไขมันต้นแขนต้องวางแผนอย่างไรบ้าง
กรณีนี้จะต่างจากการดูดไขมันแขนเพื่อลดน้ำหนักพอสมควร ถ้าเป็นคนที่มีน้ำหนักมากจากการสะสมไขมันในปริมาณสูง เราก็จะเน้นกำจัดไขมันตรงจุดที่เป็นปัญหาก่อน พร้อมกับดูว่าจะสามารถดูดไขมันแขนออกมาได้มากน้อยแค่ไหน แต่ถ้าเป็นการดูดไขมันต้นแขนเพื่อปรับบุคลิกภาพแบบนี้ จะต้องดูภาพรวมของลักษณะรูปร่างก่อน ผู้หญิงที่ดูบึกบึนส่วนมาก มักจะมีความนูนของต้นแขนด้านนอก ตั้งแต่ช่วงหัวไหล่จนมาถึงข้อศอก และมักจะมีไขมันสะสมบริเวณท้องแขนด้วย สองจุดนี้จึงเป็นจุดสำคัญที่ต้องออกคิดว่าจะดูดไขมันอย่างไร ดูดด้วยปริมาณเท่าไรถึงจะได้สัดส่วนสวยงามและเข้ากับรูปร่างของผู้เข้ารับการรักษา
ความเข้าใจผิดที่คิดว่าผู้หญิงบึกบึนดูดไขมันแขนไม่ได้
เรื่องนี้ฟังแล้วอาจจะเจ็บปวดอยู่บ้าง เพราะหลายคนที่คิดว่าตัวเองเป็นผู้หญิงสายถึก มีโครงร่างบึกบึนมาตั้งแต่เกิด และที่แขนดูใหญ่ก็เพราะมีกล้ามเนื้อมาก การดูดไขมันต้นแขนจึงไม่น่าจะช่วยอะไร ตรงนี้เป็นความเข้าใจผิดอย่างมาก เพราะความจริงแขนผู้หญิงที่ดูใหญ่ ถ้าไม่ได้เป็นนักเล่นกล้ามแล้วหล่ะก็ มักจะเป็นการสะสมของไขมันในปริมาณมากกว่าที่คิด โดยธรรมชาติผู้หญิงจะสร้างกล้ามเนื้อได้ค่อนข้างยากเมื่อเทียบกับเพศชายอยู่แล้ว ดังนั้นอย่าได้หลงคิดว่าเราแขนใหญ่เพราะมีกล้ามเป็นอันขาด
หลังจากการดูดไขมันต้นแขนแล้วต้องสวมใส่ผ้ารัดกระชับเพื่อให้ต้นแขนเข้าที่ได้เร็วขึ้น ถึงจะมีแผลแค่เล็กน้อยแต่ก็ต้องใส่ใจและล้างแผลเป็นประจำ ปรับการรับประทานอาหาร พฤติกรรมการกิน ประมาณ 1-2 เดือนก็จะเห็นผลลัพธ์ได้ชัดเจน เท่านี้ก็จะช่วยให้การดูดไขมันเห็นผล สามารถดูรายละเอียดเกี่ยวกับการดูดไขมันต้นแขนได้ที่ Issaveeclinic