ปวดหัวไมเกรน (Migraine) เป็นภาวะที่มีอาการปวดหัวเฉียบพลัน มักมีอาการเจ็บหนักบริเวณซีกหนึ่งของหัว มักเป็นเจ็บเพียงด้านเดียวแต่อาจมีทั้งสองด้านได้ และมักมีอาการคันหนังศีรษะ มุมตามือขาชา มีไข้เล็กน้อย อ่อนเพลีย แน่นหน้าอก ซึ่งอาการนี้อาจตามมาพร้อมกับความคุ้มครองของดวงตาและระบบทางเดินหายใจ โดยจะมีอาการที่มักจะก่อให้เกิดปวดหัวไมเกรน เช่น
- อาการปวดหัวเฉียบพลัน มักเป็นไปตามด้านเดียวของศีรษะ มักมีความรุนแรงและมีความเจ็บแน่นมาก และมักเป็นเจ็บกว่า 4 ชั่วโมง
- อาการคลื่นไส้ อาเจียน หรือท้องเสีย ซึ่งอาจมีการเปลี่ยนแปลงตามช่วงวันที่ปวด
- ความไวต่อแสง และเสียง เช่น การหลอกหลิก หรือเสียงดัง
- มีอาการกลัวแสง หรือเสียงดัง
- อาการมีดวงตา หรือมีปัญหาทางสายตาเช่น มองเห็นคลื่นไฟ มองเห็นวงแหวน หรือมองเห็นเส้นแบบไร้เหตุผล
- อาการเวียนศีรษะ หรือมึนศีรษะ
วิธีการรักษาไมเกรน
การรักษาไมเกรนจะแบ่งออกเป็นการรักษาแบบเฉพาะบุคคล (Individualized Treatment) และการรักษาแบบทั่วไป (General Management) โดยการรักษาแบบเฉพาะบุคคลจะพิจารณาจากอาการและประวัติส่วนตัวของผู้ป่วย เช่น อาการปวดหัวไมเกรนที่เกิดเนื่องจากการติดตั้งเครื่องดื่มมากเกินไป จะควรลดปริมาณการดื่มเครื่องดื่มเหล่านี้ แต่หากเป็นไมเกรนที่เกิดจากปัจจัยต่างๆ เช่น สภาพอากาศ การเคลื่อนไหวของลม การเคลื่อนไหวของร่างกาย จะต้องมีการใช้ยาปรับปรุงประสิทธิภาพของเซลล์ประสาทและยาลดการอักเสบ
โดยการรักษาแบบทั่วไป สามารถทำได้โดยใช้วิธีดังนี้
1. การใช้ยาแก้ปวด โดยการใช้ยาแก้ปวดกลุ่มที่เรียกว่า Triptan ช่วยบรรเทาอาการปวดหัวและอาการคลื่นไส้ หรืออาจใช้ยาแก้ปวดอื่นๆ เช่น Nonsteroidal Anti-Inflammatory Drugs (NSAIDs) เป็นต้น
2. การลดการเครียด การทำโยคะ การทำการันตีตัวเอง การหมุนเวียนตา และการพูดคุยกับเพื่อน ช่วยลดความเครียดและแก้ไขปัญหาทางความคิดเชิงจิตวิทยา
3. การเปลี่ยนแปลงรูปแบบการดำเนินชีวิต ปรับปรุงสุขภาพ ออกกำลังกายเพิ่มเติม ลดการบริโภคสารก่อปฏิกิริยาที่จะกระตุ้นให้เกิดไมเกรน
หากผู้อ่านท่านใดประสงค์ต้องการเข้ารับการรักษาไมเกรนสามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ H8 Clinic คลินิกเฉพาะทางด้านปวดหัวไมเกรน ที่มีนวัตกรรมการรักษาที่ทันสมัยโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เจาะลึกถึงปัญหาสาเหตุของการเกิดไมเกรน ห่วงใยใส่ใจทุกเคสการรักษา เพื่อไม่ให้คุณกลับมาเป็นไมเกรนได้อีกค่ะ