อาการปวดหัวอาจดูเหมือนเรื่องเล็กน้อย แต่ใครที่เคยเจอจริงๆ คงรู้ว่ามันรบกวนการใช้ชีวิตได้ไม่น้อยเลยทีเดียว ทั้งตอนทำงาน ประชุม หรือแม้แต่ตอนพักผ่อน ถ้าเลือกได้ เราก็คงไม่อยากให้ "ความปวด" มาหยุดความ productive ของวันใช่ไหมล่ะ? คนรุ่นใหม่หลายคนวันนี้จึงหันมาใส่ใจและจัดการกับอาการปวดหัวแบบไม่ต้องหยุดชีวิต ไม่ต้องลางาน ไม่ต้องกินยาแรงทุกครั้ง และไม่ต้องนอนทรมานให้เสียเวลา แล้วเขาใช้วิธีอะไรกันบ้าง? มาดูกันเลยค่ะ
ปรับพฤติกรรมการใช้หน้าจอ
แสงสีฟ้าจากหน้าจอคอมฯ หรือมือถือคือหนึ่งในต้นเหตุอันดับต้นๆ ของอาการปวดหัวในยุคนี้ หลายคนเริ่มหันมาใช้ ฟิลเตอร์แสงสีฟ้า, ปรับแสงหน้าจอให้นุ่มขึ้น หรือเปิดโหมดถนอมสายตา นอกจากนี้ยังตั้งเวลาเตือนให้พักสายตาทุก 20 นาที เพื่อไม่ให้สายตาเครียดสะสมจนปวดหัวตามมา
ใช้เทคนิค “พักแบบ Active”
คนรุ่นใหม่ไม่ได้แค่ "พัก" แต่พักอย่างมีประสิทธิภาพ เช่น
• ลุกขึ้นยืดเส้นยืดสาย
• หายใจลึกๆ ช้าๆ เพื่อผ่อนคลายระบบประสาท
• เปิดเพลงบำบัด (lofi, ambient)
• หรือใช้ mindfulness / สมาธิแบบสั้นๆ 5-10 นาที
ทั้งหมดนี้ช่วยรีเซ็ตสมองและลดระดับความเครียดลงได้อย่างดีเยี่ยม
เลือกใช้ "ลูกกลิ้งน้ำมันหอมระเหย" หรือแผ่นแปะคลายปวด
เทคนิคง่ายแต่เวิร์คมาก! น้ำมันหอมระเหยกลิ่นลาเวนเดอร์ เปปเปอร์มินต์ หรือยูคาลิปตัส ช่วยให้รู้สึกผ่อนคลาย ลดอาการตึงของกล้ามเนื้อศีรษะได้ดี หรือบางคนเลือกใช้แผ่นแปะเย็น แปะหน้าผากไว้ระหว่างประชุมไปด้วยก็ยังได้
ดื่มน้ำให้พอ อย่ารอให้กระหาย
หลายครั้งที่เราปวดหัวเพราะขาดน้ำโดยไม่รู้ตัว การพกขวดน้ำไว้ใกล้มือแล้วจิบบ่อยๆ ช่วยป้องกันและลดอาการปวดหัวได้อย่างเห็นผล นี่คือเคล็ดลับง่ายๆ ที่หลายคนมองข้ามแต่ได้ผลดีสุดๆ
แอปช่วยจัดการความเครียดและการนอน
มีหลายแอปในปัจจุบันที่ออกแบบมาเพื่อช่วยให้เรานอนหลับดีขึ้น ผ่อนคลายสมอง หรือแม้แต่แนะนำการฝึกหายใจ เช่น Calm, Headspace หรือ Insight Timer ซึ่งเหมาะมากกับคนที่ไม่อยากหยุดชีวิตเพราะปวดหัวจากความเครียดหรือนอนหลับไม่เพียงพอ
เลือกกินอย่างชาญฉลาด
อาหารบางชนิด เช่น ชีสจัดจ้าน ช็อกโกแลต หรือกาแฟมากเกินไป อาจกระตุ้นอาการปวดหัวได้ คนรุ่นใหม่ที่ใส่ใจสุขภาพจะเลือกทานอาหารที่มีแมกนีเซียมสูง (เช่น กล้วย อะโวคาโด ธัญพืช) และหลีกเลี่ยงสิ่งกระตุ้นที่ไม่จำเป็น
อาการปวดหัวอาจเป็นเรื่องธรรมดาในยุคที่ทุกอย่างเร่งรีบ แต่เราก็ไม่จำเป็นต้องปล่อยให้มันมาขัดจังหวะชีวิตทุกวัน คนรุ่นใหม่มีทางเลือกมากมายในการดูแลตัวเองให้ดีขึ้น แบบที่ไม่ต้องพึ่งยาแรงหรือหยุดทุกอย่างในชีวิตไว้ก่อนเพราะคุณภาพชีวิตที่ดี ไม่ควรมี “ปวดหัว” มาเป็นตัวขัดจังหวะ ผู้อ่านท่านใดที่มีความสนใจ อยากเข้ารับการรักษาอาการหรือวินิจฉัยอาการปวดหัว สามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ H8 Clinic คลินิกเฉพาะทางที่มีความเชี่ยวชาญด้านการรักษาอาการปวดหัว ดูแลคุณโดยแพทย์เฉพาะทางด้านระบบประสาทและสมอง ติดตามผลการรักษาอย่างใส่ใจค่ะ