thesafeclinicadmin's blog

ผู้อ่านท่านใดที่มีอาการปวดคอบ่าไหล่เป็นประจำอย่านิ่งนอนใจ รู้หรือไม่ว่าการปวดคอบ่าไหล่นั้นเป็นอาการของออฟฟิศซินโดรมรูปแบบนึง ซึ่งเกิดขึ้นได้หลายสาเหตุและระดับความรุนแรงของอาการก็มีความแตกต่างกัน H8 Clinic ขอพาคุณมาดูวิธีการปฏิบัติตามคำแนะนำด้านการดูแลอาการปวดคอบ่าไหล่เบื้องต้นที่อาจช่วยลดอาการและป้องกันการเกิดอาการเสียหายเพิ่มเติมได้ด้วย มีอะไรบ้างนั้นมาดูกันเลยค่ะ

พักผ่อนร่างกายและหยุดการใช้งาน: หลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ทำให้คอและไหล่เคลื่อนไหวมากๆ พยายามพักผ่อนหยุดพักเมื่อคอบ่าไหล่รู้สึกอักเสบหรือเมื่อเริ่มมีอาการเจ็บปวดค่ะ

การปวดคอบ่าไหล่เป็นประจำอาจมีหลายสาเหตุที่ทำให้เกิดขึ้น และไม่สามารถวินิจฉัยโรคที่แน่ชัดได้จากข้อมูลที่ไม่เพียงพอ เนื่องจากปัญหาเหล่านี้อาจมีหลายปัจจัยที่เข้ามาเกี่ยวข้องกัน ดังนั้นการปรึกษาแพทย์เพื่อการวินิจฉัยที่ถูกต้องเป็นสิ่งสำคัญแต่ยังมีบางสาเหตุที่สามารถทำให้เกิดอาการปวดคอบ่าไหล่เป็นประจำได้ มีอะไรบ้างมาดูกันค่ะ

การใช้หน้าที่มากเกินไป (Overuse): การใช้กล้ามเนื้อและข้อต่อในท่าทางที่ไม่ถูกต้องหรือทำงานในระยะเวลาที่ยาวนานสามารถทำให้เกิดการขาดแคลนหรือการทำงานเกินขอบเขตได้

การทำกายภาพบำบัด (Physical Therapy) เหมาะสำหรับบุคคลทุกวัยที่มีปัญหาด้านกายภาพหรือฟื้นฟูสุขภาพหลังจากการบาดเจ็บหรือโรคต่างๆ มาดูกันว่ามีผู้คนกลุ่มไหนบ้างที่เหมาะกับการทำกายภาพบำบัดเพื่อสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงขึ้นมาดูกันเลยค่ะ

ผู้ที่เคยได้รับบาดเจ็บหรือผู้ป่วยที่ได้รับการผ่าตัด: คนที่ได้รับบาดเจ็บหรือผ่าตัดจะมีความจำเป็นที่จะทำกายภาพบำบัดเพื่อช่วยให้ร่างกายฟื้นตัวได้รวดเร็วขึ้นและลดความเจ็บปวดค่ะ

ปวดหัว (Headache) คืออาการที่มีความรู้สึกเจ็บ แสบ หรืออันตรายบริเวณหัว ส่วนใหญ่จะเริ่มขึ้นจากส่วนบนของคอหรือจากสมองและรั่วไปที่หน้าหรือด้านข้างของหัว. อาการปวดหัวสามารถเกิดจากหลายสาเหตุและระดับความรุนแรงแตกต่างกันไปได้แต่รู้หรือไม่ว่าอาการปวดหัวมีหลายสาเหตุและอยู่ในระดับความรุนแรงต่าง ๆ ดังนั้นการต้องการการรักษาที่เร่งด่วนอาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับลักษณะของอาการปวดหัว อย่างไรก็ตาม มีบางอาการปวดหัวที่อาจเป็นสัญญาณของอุบัติเหตุหรือภาวะที่ต้องรีบพบแพทย์ ดังนี้

การทำกายภาพบำบัดด้วยตัวเอง (self-physical therapy) สามารถทำได้หลายวิธีต่าง ๆ ขึ้นอยู่กับปัญหาสุขภาพที่คุณกำลังพยายามรักษาหรือปรับปรุง แต่อย่างไรก็ตาม ควรระมัดระวังและปฏิบัติตามคำแนะนำของนักกายภาพบำบัดหรือแพทย์ของคุณเสมอ เพื่อป้องกันการบาดเจ็บหรือทำให้สภาพแย่ลงไปเนื่องจากการออกกำลังกายอย่างไม่ถูกต้อง มาดูวิธีที่คุณสามารถทำกายภาพบำบัดด้วยตัวเองกันค่ะ

กายภาพบำบัด นอกจากจะช่วยบรรเทาอาการปวดกล้ามเนื้อหรือกระดูกตามร่างกายได้แล้ว รู้หรือไม่ว่าการทำกายภาพบำบัด ยังช่วยให้กระดูกมีความแข็งแรงขึ้น และช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้งานได้อีกด้วย มาดูประโยชน์ของการทำกายภาพบำบัดที่ส่งผลดีต่อกระดูกกันค่ะ

ปวดหัวไมเกรน (Migraine) เป็นภาวะที่มีอาการปวดหัวเฉียบพลัน มักมีอาการเจ็บหนักบริเวณซีกหนึ่งของหัว มักเป็นเจ็บเพียงด้านเดียวแต่อาจมีทั้งสองด้านได้ และมักมีอาการคันหนังศีรษะ มุมตามือขาชา มีไข้เล็กน้อย อ่อนเพลีย แน่นหน้าอก ซึ่งอาการนี้อาจตามมาพร้อมกับความคุ้มครองของดวงตาและระบบทางเดินหายใจ โดยจะมีอาการที่มักจะก่อให้เกิดปวดหัวไมเกรน เช่น

- อาการปวดหัวเฉียบพลัน มักเป็นไปตามด้านเดียวของศีรษะ มักมีความรุนแรงและมีความเจ็บแน่นมาก และมักเป็นเจ็บกว่า 4 ชั่วโมง
- อาการคลื่นไส้ อาเจียน หรือท้องเสีย ซึ่งอาจมีการเปลี่ยนแปลงตามช่วงวันที่ปวด

อาการปวดหัวไมเกรน เป็นอีกหนึ่งอาการที่พบเจอได้บ่อย เรียกได้ว่าแทบจะทุกคนก็ต้องเคยเจอกับอาการนี้ โดยมากเมื่อเกิดอาการนี้คนส่วนมากมักเลือกจะใช้วิธีการทานยาเพื่อบรรเทาอาการปวดหัว เพราะเมื่อเกิดอาการปวดหัว ไมเกรนเมื่อไหร่ มักจะปวดจนรบกวนการทำงาน แต่การทานยาบ่อยๆมันไม่ใช่สิ่งที่ดี สำหรับใครที่ปวดหัวไมเกรนบ่อยๆรู้ไหมว่าอาการนี้สามารถบรรเทาได้โดยไม่ใช้ยาค่ะ

หลายคนที่มีพฤติกรรมการนั่งทำงานในอิริยาบถเดิมๆ เป็นเวลานาน แล้วอาการต่างๆ อาทิ ปวดหลัง ปวดคอ เป็นไมเกรนบ่อย คงกำลังสงสัยกันว่าตอนนี้เราเป็นออฟฟิศซินโดรมหรือเปล่าแล้วเราจะรู้ได้อย่างไร วันนี้เรามีอาการน่าสงสัยมาให้ลองเช็กตัวเองกัน

1.มีอาการมือชา นิ้วล็อก รวมไปถึงอาการปวดข้อมือ หลังหรือระหว่างการใช้คอมพิวเตอร์ ในตอนที่จับเมาส์ในท่าเดิมเป็นระยะเวลานานๆ
2.มีอาการปวดกล้ามเนื้อโดยที่หาจุดที่ปวดชัดเจนไม่ได้ ซึ่งอาการปวดที่เกิดขึ้นนั้น เป็นการปวดแบบกว้างๆ ไม่สามารถชี้จุดหรือระบุตำแหน่งที่ปวดได้อย่างชัดเจน อาทิ บริเวณคอ บริเวณบ่า  บริเวณไหล่  บริเวณสะบัก

ไมเกรน อาการนี้เรียกได้ว่าเป็นกี่ทีก็ทรมานทุกที หลายคนพยายามหาสิ่งต่างๆมาทำเพื่อบรรเทาอาการเหล่านี้ แต่ก็ยังไม่สามารถบรรเทาอาการได้ดีเท่าที่ควร และรู้ไหมว่ายังมีอีกหนึ่งวิธีที่ช่วยบรรเทาอาการได้ นั่นก็คือ การกดจุด ซึ่งเราสามารถทำได้ง่ายๆแต่บรรเทาอาการได้ดีเลยล่ะ

1.ปวดขมับ